ข้อมูลข่าวสาร
อ่านข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับเรานโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับลูกค้า
นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับลูกค้า
บริษัท
โตเกียวมารีนเซ๊าท์อีสต์(อาคเนย์) บริการ
จำกัด
เราตระหนักดีถึงสิทธิในความเป็นส่วนตัวและความรับผิดชอบของบริษัทในการเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผย
(รวมเรียกว่า
“การประมวลผล”) ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างถูกต้องและปลอดภัย บริษัทจึงได้จัดทำนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
เพื่อแจ้งรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
พ.ศ. 2562 (“พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล”)
และบริษัทขอแนะนำให้ท่านทำความเข้าใจนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ เพื่อรับทราบสิทธิต่าง ๆ
เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วย
1. คำนิยาม
“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวตนของบุคคลนั้นได้
ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมแต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ และไม่รวมถึงข้อมูลของนิติบุคคล
“เจ้าของข้อมูล” หมายถึง บุคคลที่ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นระบุไปถึง โดยไม่รวมถึงนิติบุคคล
“ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว” หมายถึง ข้อมูลตามที่กำหนดไว้ใน มาตรา 26 พ.ร.บ.
คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
และฉบับปรับปรุงแก้ไขตามที่จะมีการแก้ไขเป็นคราว ๆ กฎหมายและกฎระเบียบที่ใช้บังคับอื่น
รวมถึงข้อมูลบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ
ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงานข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ
หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกัน
“พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
รวมถึงกฎหมายลำดับรองที่อาศัยอำนาจ พ.ร.บ.
คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ในการตราขึ้น และตามที่มีการแก้ไขเป็นครั้งคราว
“คณะกรรมการ” หมายถึง คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
“คู่ค้า” หมายถึง ผู้ขายสินค้า ผู้รับจ้าง และ/หรือผู้ให้บริการ
ทั้งที่เป็นนิติบุคคลและบุคคลธรรมดาแก่บริษัท
รวมถึงผู้รับจ้างช่วงของผู้ขายสินค้า ผู้รับจ้าง และ/หรือผู้ให้บริการดังกล่าว
“บริษัท” หมายถึง บริษัท โตเกียวมารีนเซ๊าท์อีสต์ (อาคเนย์) บริการ จำกัด
2. การเคารพสิทธิในความเป็นส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ
บริษัทเคารพและให้ความสำคัญถึงสิทธิ ข้อมูลส่วนบุคคลและการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และบริษัท
ตระหนักดีว่า ท่านในฐานะผู้ใช้บริการ
ย่อมมีความประสงค์ที่จะได้รับความมั่นคงปลอดภัยในการใช้บริการของบริษัท
ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทได้รับมา ซึ่งสามารถบ่งบอกตัวบุคคลของท่านได้
และเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความสมบูรณ์ ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และมีคุณภาพ
จะถูกนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ในการดำเนินงานของบริษัท ตามที่ได้แจ้งไว้แก่ท่าน
ก่อนที่จะทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเท่านั้น และบริษัท จะดำเนินมาตรการที่เข้มงวดในการรักษาความปลอดภัย
ตลอดจนการป้องกันมิให้มีการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ นอกเหนือจากวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งไว้ล่วงหน้า
โดยมิได้รับอนุญาตจากท่านก่อน
3.
การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
3.1 ข้อมูลส่วนบุคคลใดบ้างที่บริษัทเก็บรวบรวม
บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งอาจรวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวของท่านดังต่อไปนี้
1) ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป
(1) ข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่านเป็นการทั่วไป เช่น ชื่อ-นามสกุล
เลขบัตรประจำตัวประชาชน วันเกิด อายุ อาชีพ เพศ สถานภาพทางการสมรส รูปถ่าย หมายเลขโทรศัพท์บ้าน
หมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน ที่อยู่เพื่อจัดส่งไปรษณีย์ เลขที่หนังสือเดินทาง อีเมล
เสียงสนทนา และรายละเอียดข้อมูลติดต่ออื่น ๆ
(2) ข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานของท่าน เช่น ตำแหน่งงาน สถานที่ทำงาน
ประวัติเกี่ยวกับการทำงานของท่าน ซึ่งอาจรวมถึงชื่อและที่อยู่ของนายจ้างของท่าน
(3) ข้อมูลทางการเงิน เช่น รายได้ แหล่งที่มาของรายได้ เลขบัญชีธนาคาร ข้อมูลเกี่ยวกับภาษี
รายละเอียดเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของบัญชีธนาคาร รายละเอียดเกี่ยวกับเงินกู้ ข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุน
รายละเอียดเกี่ยวกับบัตรเครดิต และรายละเอียดหรือข้อมูลเกี่ยวกับการชำระเงินอื่น ๆ
(4) รายละเอียดผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการต่าง ๆ ได้แก่
รายละเอียดผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการต่าง ๆ ที่ท่านเคยซื้อจากบริษัท หรือผู้ประกอบธุรกิจประกันภัยอื่น ๆ
เช่นหมายเลขกรมธรรม์ จำนวนเงินเอาประกัน การเปลี่ยนแปลง/การทำธุรกรรมเกี่ยวกับกรมธรรม์
วิธีการจ่ายเบี้ยประกันภัย ประวัติการชำระเบี้ยประกันภัย ผู้รับประโยชน์ การเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน
รวมถึงการใช้สิทธิต่าง ๆ ภายใต้กรมธรรม์ หรือผลิตภัณฑ์ หรือบริการอื่น ๆ ของบริษัท
หรือผู้ประกอบธุรกิจประกันภัยอื่น ๆ
(5) สถานะทางกฎหมาย เช่น สถานะเกี่ยวกับการฟอกเงิน
สถานะเกี่ยวกับการสนับสนุนเงินแก่การก่อการร้าย ภาวะล้มละลาย
สถานะตามกฎหมายสหรัฐอเมริกาว่าด้วยการป้องกันมิให้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลที่มีสถานะเป็นบุคคลอเมริกันหลีกเลี่ยงภาษี
(Foreign Account Tax Compliance Act: FATCA)
(6) ข้อมูลทางเทคนิค และกิจกรรมส่วนบุคคล/ลักษณะการใช้งานที่ท่านชอบ
เมื่อท่านใช้เว็บไซต์หรือ แอปพลิเคชันของบริษัท และอาจรวมถึงแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ของผู้ให้บริการอื่น
เช่น ชื่อเรียกตัวตนเฉพาะของลูกค้าที่ใช้บนแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ IP Address คุกกี้ (Cookies)
ประเภทและเวอร์ชั่นของเบราว์เซอร์ การตั้งค่าเขตเวลา ประเภทของปลั๊กอินในเบราว์เซอร์
ระบบปฏิบัติการและแพลตฟอร์ม ข้อมูลผู้ใช้ (User Profile) ข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์
ซึ่งรวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์เคลื่อนที่ ข้อมูลเครือข่ายไร้สาย และข้อมูลเครือข่ายทั่วไป
(7) ข้อมูลภาพเคลื่อนไหว ภาพนิ่ง และภาพทรัพย์สิน (เช่น ยานพาหนะของท่าน)
เมื่อท่านเข้าสู่พื้นที่ที่มีการดูแลรักษาความปลอดภัยภายในอาคารหรือสถานที่ของบริษัทผ่านกล้องบันทึกภาพวงจรปิด
(CCTV)
2) ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว
บริษัทมีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (Sensitive Personal Data) เช่น
ข้อมูลประวัติด้านสุขภาพ ข้อมูลความพิการ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ ข้อมูลทางการแพทย์
และข้อมูลอื่นใดในลักษณะเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด
ในกรณีที่บริษัทมีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อการเข้าทำสัญญาประกันภัย
การปฏิบัติตามสัญญา หรือการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย
หากท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็นต่อการดำเนินงานของบริษัท
บริษัทอาจไม่สามารถดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในนโยบายฉบับนี้หรือให้บริการแก่ท่านได้อย่างเต็มรูปแบบ
หรือท่านอาจไม่สามารถใช้บริการของบริษัทได้อย่างเหมาะสม หรืออาจส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติตามกฎหมายใด ๆ
ที่บริษัทหรือท่านมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตาม
นอกจากนี้ บริษัทจะเก็บข้อมูลที่จำเป็นในการประกันภัยแต่ละประเภท เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการเข้าทำสัญญา
ประกันภัย และการดำเนินการเพื่อปฏิบัติตามสัญญาประกันภัย และวัตถุประสงค์อื่น ๆ ที่ระบุไว้ในประกาศนี้
ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงข้อมูลส่วนบุคคลดังต่อไปนี้
1. ข้อมูลการประกันภัยทั่วไป เช่น เลขที่ใบเสนอราคา เลขที่กรมธรรม์ ข้อมูลเงื่อนไขความคุ้มครอง
ข้อมูลเบี้ยประกันภัย
2. ข้อมูลที่จำเป็นต่อแผนประกันภัยที่คุ้มครองอุบัติเหตุและโรคภัย ได้แก่ น้ำหนักและส่วนสูง
ประวัติการรักษาและข้อมูลสุขภาพ ข้อมูลการสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ หรือการใช้สารเสพติดอื่น ๆ
3. ข้อมูลที่จำเป็นต่อแผนประกันภัยที่คุ้มครองทรัพย์สินได้แก่ ข้อมูลยานพาหนะ (เช่น
มูลค่ายานพาหนะ หมายเลขตัวถัง หมายเลขทะเบียนรถ ประเภทและคุณสมบัติของยานพาหนะ
สถานภาพความเป็นเจ้าของหรือผู้เช่าหรือผู้ให้เช่า) ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (เช่น
มูลค่าอาคารหรืออสังหาริมทรัพย์อื่น ที่อยู่หรือพิกัด ลักษณะการใช้งาน
สถานภาพความเป็นเจ้าของหรือผู้เช่าหรือผู้ให้เช่า ข้อมูลเกี่ยวกับผู้อยู่อาศัย สิ่งของในอาคาร
ระยะเวลาการใช้งาน) ข้อมูลการเล่นกอล์ฟ (รุ่น จำนวน
และราคาของไม้กอล์ฟ)หรือข้อมูลเกี่ยวกับทรัพย์สินอื่นใดที่บริษัทรับประกัน
4. ข้อมูลที่จำเป็นต่อแผนประกันภัยที่คุ้มครองการเดินทาง ได้แก่ ประเทศจุดหมายปลายทาง
ระยะเวลาเริ่มและสิ้นสุดการเดินทาง เป็นต้น
3.2 บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเมื่อใด
บริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากแหล่งที่มาดังต่อไปนี้
1. เมื่อท่านแสดงเจตนาจะซื้อหรือใช้ประกันภัย รวมทั้งบริการอื่น ๆ จากบริษัท (“ผลิตภัณฑ์” หรือ
“บริการ”) และ/หรือเมื่อท่านเข้าถึงหรือใช้เว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชัน และ/หรือบริการต่าง ๆ ทางออนไลน์
2. เมื่อท่านส่งเอกสารและใบคำขอเอาประกันภัย หรือเมื่อท่านให้ข้อมูลแก่บริษัท
ในขณะที่พิจารณาจะซื้อหรือใช้ ผลิตภัณฑ์หรือบริการต่าง ๆ จากบริษัท
3. เมื่อท่านติดต่อสื่อสารกับบริษัท ไม่ว่าด้วยวิธีการสื่อสารเป็นลายลักษณ์อักษรหรือด้วยวาจา
โดยไม่คำนึงว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ติดต่อก่อน
4.
เมื่อท่านส่งคำร้องขอให้มีการเปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุงผลิตภัณฑ์ที่ท่านซื้อหรือบริการที่ท่านใช้หรือคำร้องขออื่นใดที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ที่ท่านซื้อหรือบริการที่ท่านใช้
รวมถึงการส่งแบบฟอร์มและเอกสารเกี่ยวกับการขอรับบริการที่เกี่ยวกับบริษัท
5. เมื่อท่านติดต่อกับบุคลากร เจ้าหน้าที่บริการลูกค้า พนักงานขาย ผู้รับจ้าง คู่ค้า ผู้ให้บริการ
ผู้รับมอบอำนาจ ผู้กระทำการแทน หรือบุคคลอื่นหรือหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องของบริษัท (เรียกรวมกันว่า
“บุคลากรและคู่ค้าของบริษัท”) ผ่านทางเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน สื่อสังคมออนไลน์ โทรศัพท์ อีเมล การพบปะกันโดยตรง
การสัมภาษณ์ ข้อความสั้น (SMS) โทรสาร ไปรษณีย์ หรือโดยวิธีการอื่นใด
6. เมื่อบริษัทได้รับการแนะนำเกี่ยวกับท่าน
หรือเมื่อบริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากพนักงานและ/หรือ คู่ค้าของบริษัท
7. เมื่อท่านส่งข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บริษัทเพื่อเข้าร่วมในกิจกรรมทางการตลาด การประกวด
การจับฉลากชิงโชค งานอีเว้นท์ หรือการแข่งขันต่าง ๆ ที่จัดขึ้นโดยหรือในนามของบริษัท และ/
หรือบุคลากรและคู่ค้าของบริษัท
8. เมื่อบริษัทได้รับข้อมูลส่วนบุคคลจากบุคคลภายนอกเกี่ยวกับท่าน
ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการได้รับข้อมูลจากการตรวจสอบจากแหล่งข้อมูลที่เป็นสาธารณะ แหล่งข้อมูลส่วนตัว
หรือแหล่งข้อมูลเชิงพาณิชย์ เว็บไซต์ แหล่งข้อมูลสื่อสังคมออนไลน์ ผู้ให้บริการข้อมูล (Data Providers)
แหล่งข้อมูลทางการแพทย์ สถานบริการสาธารณสุข โรงพยาบาล แพทย์ บุคลากรผู้ประกอบวิชาชีพสาธารณสุขอื่น
ผู้ประกอบธุรกิจประกันภัยอื่น
สมาคมหรือสมาพันธ์ของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ที่ท่านซื้อหรือบริการที่ท่านใช้
ใบคำขอเอาประกันสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ท่านซื้อหรือบริการที่ท่านใช้
การรับประกันความเสี่ยงของผลิตภัณฑ์ที่ท่านซื้อ การร้องเรียนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์
และ/หรือผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท ที่ซื้อหรือใช้โดยท่าน (“แหล่งข้อมูลที่เป็นบุคคลภายนอก”)
9.
เมื่อบริษัทได้รับข้อมูลส่วนบุคคลจากบุคคลภายนอกเกี่ยวกับท่านเพื่อวัตถุประสงค์ในการปฏิบัติตามกฎหมายและเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการกำกับดูแลในประการอื่น
ๆ ตลอดจนเพื่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ ที่ชอบด้วยกฎหมาย เช่น
บริษัทอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)
10. เมื่อท่านมาติดต่อใช้บริการกับบริษัทที่สำนักงานใหญ่หรือสำนักงานสาขา กล่าวคือ
การบันทึกภาพวงจรปิดภายใน และภายนอกอาคาร รวมถึงการแลกบัตรและลงทะเบียนผู้มาติดต่อก่อนเข้าอาคาร
เมื่อท่านให้ข้อมูลส่วนบุคคลใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลภายนอกแก่บริษัท
(ซึ่งบุคคลภายนอกดังกล่าวรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง ผู้เอาประกันภัย สมาชิกในครอบครัว ผู้ชำระเงินตามกรมธรรม์
หรือผู้รับประโยชน์) ท่านต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ไม่ว่าจะเป็นการขอความยินยอมหรือแจ้งนโยบายฉบับนี้แก่บุคคลที่สามในนามของบริษัท ทั้งนี้
ท่านรับรองและรับประกันความถูกต้องของข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
พร้อมทั้งรับรองและรับประกันว่าท่านได้แจ้งให้บุคคลเหล่านั้นทราบอย่างครบถ้วนแล้วเกี่ยวกับรายละเอียดตามนโยบายฉบับนี้
4.
วัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
1) เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการเข้าทำสัญญาประกันภัย และการดำเนินการเพื่อปฏิบัติตามสัญญาประกันภัยกล่าวคือ
(ก) เพื่อเสนอขาย ขาย จัดให้ บริหารจัดการ ดำเนินการ ปฏิบัติตามขั้นตอนกระบวนการ และจัดการเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และ/ หรือบริการจากบริษัทให้แก่ท่าน
(ข) เพื่อปฏิบัติตามขั้นตอนกระบวนการ จัดการ ทำให้แล้วเสร็จซึ่งการให้บริการหรือผลิตภัณฑ์จากบริษัท และการแนะนำผลิตภัณฑ์และบริการที่เหมาะสมให้แก่ท่าน การปฏิบัติตามขั้นตอนกระบวนการเกี่ยวกับใบคำขอเอาประกันภัย การจัดการเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ท่านซื้อ การเก็บเบี้ยประกันภัยและเงินค้างชำระจากท่าน
2) เพื่อการติดต่อสื่อสารกับท่าน ซึ่งรวมถึงการสื่อสารข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการและข้อมูลอื่น ๆเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบัญชีใด ๆ ที่ท่านอาจมีกับบริษัท การให้การสนับสนุนทางเทคนิคเกี่ยวกับเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่นของบริษัท หรือการสื่อสารเกี่ยวกับการแก้ไขเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่จะมีขึ้นต่อนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ในอนาคต
3) เพื่อการวิเคราะห์และจัดทำสถิติ ได้แก่ การทำวิจัยทางการตลาด
การวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูงและการทำวิจัยเชิงสถิติหรือคณิตศาสตร์ประกันภัย
การรายงานหรือการประเมินผลทางการเงินที่จัดทำขึ้นโดยบริษัท กลุ่มบริษัท บุคลากรและคู่ค้าของบริษัท
หรือหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องกับบริษัท
4) เพื่อการป้องกันการฉ้อโกง ได้แก่ การสืบสวนหรือป้องกันการกระทำที่เกี่ยวกับการฉ้อโกง
การปกปิดข้อความจริง และการกระทำผิดอื่น ๆ
ไม่ว่าจะเป็นการกระทำผิดจริงหรือการกระทำที่สงสัยว่าจะเป็นการกระทำผิด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อการติดต่อสื่อสารกับบริษัทต่าง ๆ ในธุรกิจบริการทางการเงินและการประกันภัย
ตลอดจนเพื่อการติดต่อสื่อสารกับหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องกับบริษัท
5) เพื่อการปรับโครงสร้างของบริษัท กล่าวคือ เพื่อวัตถุประสงค์ในการปรับโครงสร้างองค์กรของบริษัท
และเพื่อการทำธุรกรรมของบริษัท รวมถึงการซื้อ หรือขายธุรกิจไม่ว่าส่วนใดส่วนหนึ่งของบริษัท (หากมี)
6) เพื่อการให้บริการช่องทางการสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น
เพื่อให้ท่านสามารถเข้าถึงเนื้อหาในเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน หรือแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์
หรือบริการอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นการเฉพาะ โดยบริษัทอาจประมวลผลพฤติกรรมการใช้เว็บไซต์ แอปพลิเคชัน
หรือแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อการวิเคราะห์การใช้งานเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน
หรือแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ของท่าน และการทำความเข้าใจลักษณะการใช้งานที่ท่านชอบเพื่อจัดทำเว็บไซต์
แอปพลิเคชัน หรือแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ที่ตอบสนองความต้องการของท่านอย่างเหมาะสม เพื่อการประเมิน
หรือดำเนินการ และการปรับปรุงเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน หรือแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์เหล่านั้น หรือผลิตภัณฑ์และ/
หรือบริการของบริษัทการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ การแนะนำผลิตภัณฑ์และ/ หรือบริการที่เกี่ยวข้อง
และการจัดโฆษณาบนเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน และช่องทางอื่น ๆ ตามกลุ่มเป้าหมาย
7) เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย และนโยบายบริษัท ได้แก่ การดำเนินการใด ๆ
(ก) เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย และการตรวจสอบธุรกิจของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบภายใน
การตรวจสอบจากบุคคลภายนอก หรือจากหน่วยงานกำกับดูแล
(ข) เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมาย กฎระเบียบ ข้อตกลง หรือนโยบายที่ใช้บังคับ
ซึ่งกำหนดขึ้นโดยหน่วยงานกำกับดูแลของรัฐที่มีหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย หน่วยงานรัฐที่มีหน้าที่ระงับข้อพิพาท
หรือหน่วยงานที่ดูแลธุรกิจประกันภัย
(ค) เพื่อวัตถุประสงค์ของการบังคับใช้กฎหมาย หรือการให้ความช่วยเหลือ ให้ความร่วมมือ
การสืบสวนโดยบริษัทหรือในนามของบริษัทโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือโดยหน่วยงานรัฐหรือหน่วยงานกำกับดูแลอื่น ๆ
ในประเทศ และการดำเนินการตามหน้าที่ในการรายงาน และข้อกำหนดต่าง ๆ ตามที่กฎหมายกำหนด
หรือตามที่มีการตกลงเห็นชอบกับหน่วยงานรัฐหรือหน่วยงานกำกับดูแลอื่นๆ ในประเทศหรือเขตการปกครองใด ๆ
หรือการดำเนินการตามคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายของพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือหน่วยงานของรัฐ
(ง) เพื่อการดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกำหนดภายใต้นโยบายภายในของบริษัท
8) เพื่อการบริหารจัดการข้อมูล ได้แก่ เพื่อวัตถุประสงค์ในการบริหารจัดการ จัดเก็บ บันทึกสำรอง
หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล
9) เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และการให้บริการของบริษัท รวมถึง การตรวจสอบและเพิ่มคุณภาพรวมทั้งการฝึกอบรม
เมื่อมีการบันทึกการติดต่อสื่อสารกับบริษัท
10) เพื่อรักษาความปลอดภัยภายในสถานประกอบการทั้งสำนักงานใหญ่และสำนักงานสาขา
ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของบุคคลากรของบริษัท รวมไปถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของท่าน
11) เพื่อดำเนินกิจกรรมส่งเสริมการขาย รวมถึง
การให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการที่เหมาะสมแก่ท่าน การให้คำแนะนำและข้อมูลในเรื่องต่าง ๆ
ซึ่งรวมถึงการประกันภัย ตลอดจนกิจกรรมส่งเสริมการขาย เช่นโปรแกรมให้รางวัล ให้สิทธิประโยชน์
หรือสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าที่มีการใช้บริการอย่างต่อเนื่อง กิจกรรมการกุศลหรือกิจกรรมที่ไม่หวังผล
และการจัดกิจกรรมทางการตลาด งานอีเวนต์ และกิจกรรมอื่น ๆ ซึ่งท่านเลือกที่จะเข้าร่วม
12) เพื่อการเก็บรวบรวม ใช้
และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน
คปภ.)
เพื่อประโยชน์ในการกำกับดูแลและส่งเสริมธุรกิจประกันภัยตามกฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย
และกฎหมายว่าด้วยการประกันวินาศภัย ตามนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสำนักงาน คปภ.
ซึ่งสามารถตรวจดูได้ที่เว็บไซต์ของสำนักงาน คปภ. https://www.oic.or.th
13) อื่น ๆ กล่าวคือ เพื่อการดำเนินการอื่น ๆ ที่จำเป็น ซึ่งเกี่ยวข้องกับวัตถุประสงค์ใด ๆ ข้างต้น
ทั้งนี้ ท่านสามารถเลือกที่จะไม่ให้บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลบางรายการตามที่บริษัทร้องขอ อย่างไรก็ดี
การที่ท่านเลือกที่จะไม่ให้ข้อมูลบางรายการดังกล่าว
อาจเป็นอุปสรรคต่อการทำธุรกรรมหรือการให้บริการระหว่างบริษัทกับท่าน หรือต่อการตอบสนองต่อข้อร้องขออื่น ๆ
ของท่านได้
เว้นแต่กฎหมายและกฎระเบียบที่ใช้บังคับ รวมถึง พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จะกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น
บริษัทจะแจ้งและขอความยินยอมจากท่าน
หากบริษัทประสงค์จะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดนอกเหนือไปจากที่ระบุไว้ในนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้หรือนอกเหนือไปจากวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้
5.
การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลที่สาม
ในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น
บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลต่าง ๆ ตามที่ระบุด้านล่างนี้ โดยบริษัทจะดำเนินการใด ๆ
ที่จำเป็นเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตาม พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือกฎหมายอื่น ๆ
ที่เกี่ยวข้องในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
1) คู่ค้า พันธมิตรของบริษัท หรือบุคคลภายนอกที่มีความเกี่ยวข้องกับการเสนอขายผลิตภัณฑ์ประกันภัย เช่น
บริษัทประกันภัย ธนาคาร สถาบันการเงิน ผู้ผลิตรถยนต์และผู้จำหน่ายรถยนต์
2) ผู้ถือกรมธรรม์ ในกรณีการประกันภัยแบบกลุ่ม
3) พนักงานและคู่ค้าของบริษัทไม่ว่ารายใดก็ตาม ซึ่งให้บริการเกี่ยวกับการจัดการต่าง ๆ
หรือการให้บริการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ได้แก่ บริการเกี่ยวกับกระบวนการทางธุรกิจ
บริการเกี่ยวกับการชำระเงิน การทวงหนี้ หรือบริการโทรคมนาคม บริการด้านเทคโนโลยี บริการคลาวด์
บริการจัดหาผู้รับจ้างปฏิบัติงาน บริการคอลเซ็นเตอร์ บริการจัดเก็บของการดำเนินการเกี่ยวกับเอกสาร
บริการเก็บบันทึกข้อมูล บริการสแกนเอกสาร บริการรับส่งไปรษณีย์ บริการจัดพิมพ์
บริการส่งพัสดุหรือบริการรับส่งพัสดุโดยพนักงานรับส่งพัสดุ บริการวิเคราะห์ข้อมูล บริการทำการตลาด
บริการทำการวิจัย บริการบริหารจัดการเหตุฉุกเฉิน บริการทางกฎหมาย หรือบริการอื่น ๆ
ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทหรือธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัย
4) ผู้ให้บริการก่อนการรับประกันภัย เช่น ผู้สำรวจภัยก่อนรับประกันภัย เป็นต้น
5) ผู้ให้บริการชดใช้สินไหมทดแทน เช่น ผู้สำรวจอุบัติเหตุ ศูนย์บริการรถยนต์ อู่ โรงพยาบาล เป็นต้น
6) ผู้ประกอบธุรกิจประกันภัย
7) สมาคมหรือสมาพันธ์ในภาคธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัย
8) หน่วยงานที่มีหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย คณะกรรมการต่าง ๆ ที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย
หน่วยงานของรัฐหรือหน่วยงานกำกับดูแล หน่วยงานที่มีหน้าที่ระงับข้อพิพาท
หรือบุคคลอื่นใดในประเทศที่บริษัทมีหน้าที่ต้องเปิดเผยข้อมูล (ก) เพื่อเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายและ/
หรือปฏิบัติตามกฎระเบียบภายในประเทศไทย และอาจรวมถึงหน่วยงานของรัฐในประเทศที่บริษัทในกลุ่มบริษัทตั้งอยู่
หรือ (ข) เพื่อเป็นการปฏิบัติตามข้อตกลง หรือนโยบายระหว่างบริษัทในกลุ่มบริษัทกับรัฐ หน่วยงานกำกับดูแล
หรือบุคคลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
9) บริษัทในกลุ่มบริษัท
10) ผู้ให้คำปรึกษาของบริษัท ซึ่งเป็นผู้ประกอบวิชาชีพ เช่น ทนายความ แพทย์ ผู้ตรวจสอบบัญชีหรือที่ปรึกษา
11) บุคคลหรือหน่วยงานใด ๆ ที่ท่านให้ความยินยอมให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อบุคคลหรือหน่วยงานนั้น ๆ
ได้
12) ผู้เข้าทำธุรกรรม
หรือจะเข้าทำธุรกรรมกับบริษัทโดยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอาจเป็นส่วนหนึ่งของการซื้อหรือขาย
หรือเป็นส่วนหนึ่งของการเสนอซื้อหรือเสนอขายของกิจการของบริษัท (หากมี)
13) บุคคลหรือหน่วยงานอื่นใดที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายที่ใช้บังคับ
ทั้งนี้
บริษัทจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามที่กล่าวถึงข้างต้นภายใต้ความยินยอมของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
หรือภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายอนุญาตให้เปิดเผยได้เท่านั้น เว้นแต่จะเป็นข้อยกเว้นตามกฎหมาย
6.
การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ
ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอาจถูกโอนไป ถูกจัดเก็บไว้ หรือประมวลผลโดยบริษัท
หรืออาจถูกส่งให้แก่บุคคลหรือหน่วยงานใด ๆ ตามรายละเอียดข้างต้น
ซึ่งอาจมีที่ตั้งหรืออาจให้บริการอยู่ในประเทศไทยหรือนอกประเทศไทย ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
จะถูกโอนไปยังสถานที่อื่น ๆ ตามเงื่อนไขเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ดังที่ พ.ร.บ.
คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด โดยหากเป็นการโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านระหว่างกลุ่มบริษัท
บริษัทจะดำเนินการตามนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลภายในกลุ่มบริษัท (Binding Corporate Rules)
ที่ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
7.
การเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้
ตราบเท่าที่จำเป็นต้องเก็บเพื่อการดำเนินการให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามที่ระบุข้างต้น
ทั้งนี้บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่เกิน 10 ปี นับแต่วันที่ท่านสิ้นสุดความสัมพันธ์
หรือการติดต่อครั้งสุดท้ายกับบริษัท บริษัทอาจเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านนานกว่าที่กำหนดหากกฎหมายอนุญาต
บริษัทจะดำเนินการตามขั้นตอนที่เหมาะสม เพื่อทำการลบหรือทำลาย
หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวท่าน
ตามระยะเวลาเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลข้างต้น
8.
การใช้ข้อมูลส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์เดิม
บริษัทมีสิทธิในการเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทได้เก็บรวบรวมไว้ก่อนวันที่พรบ.
คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม การใช้
และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับต่อไปตามวัตถุประสงค์เดิม
หากท่านไม่ประสงค์ที่จะให้บริษัทเก็บรวมรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวต่อไป
ท่านสามารถแจ้งบริษัทเพื่อขอถอนความยินยอมของท่านตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
โดยขอแบบฟอร์มการใช้สิทธิได้ที่สำนักงานของบริษัท หรือดาวน์โหลดแบบฟอร์มได้ที่เวปไซต์ของบริษัท www.tokiomarinesoutheast.com
9.
มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยและคุณภาพของข้อมูล
1) บริษัท ตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
บริษัทจึงกำหนดให้มีมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับการรักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อป้องกันการสูญหาย
การเข้าถึง ทำลาย ใช้ แปลง แก้ไขหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่มีสิทธิหรือโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ตลอดจนการป้องกันมิให้มีการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้โดยมิได้รับอนุญาต ทั้งนี้
เป็นไปตามที่กำหนดในนโยบายการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล
2) ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัท ได้รับมา เช่น ชื่อ อายุ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขบัตรประชาชน
เป็นต้น ซึ่งสามารถบ่งบอกตัวบุคคลของท่านได้ และเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความถูกต้องและเป็นปัจจุบัน
จะถูกนำไปใช้ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์การดำเนินงานของบริษัท เท่านั้น
และบริษัทจะดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
10. สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ท่านมีสิทธิดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านดังต่อไปนี้
1) เพิกถอน หรือร้องขอให้เปลี่ยนแปลงขอบเขตความยินยอมของท่านที่ได้ให้ไว้กับบริษัท
2) ขอเข้าถึง ขอรับสำเนา
หรือขอให้เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่านโดยท่านไม่ได้ให้ความยินยอม
3) ขอให้บริษัทแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน
สมบูรณ์และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด หากบริษัทไม่สามารถดำเนินการให้ได้
ท่านมีสิทธิขอบันทึกคำร้องขอของท่านพร้อมเหตุผลในการดำเนินการได้ตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
4) ขอให้ลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้
ตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
5) คัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีดังต่อไปนี้
(ก.) กรณีที่เป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมได้โดยได้รับยกเว้นไม่ต้องขอความยินยอม
เนื่องจากเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย ตามมาตรา 24 (4) หรือ
(5) แห่งพ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
เว้นแต่บริษัทสามารถพิสูจน์ได้ว่ามีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายที่สำคัญยิ่งกว่า
หรือเป็นไปเพื่อก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
(ข.) การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง
(ค.) การประมวลผลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์
หรือสถิติ เว้นแต่เป็นการจำเป็นเพื่อการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท
6) ขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่าน
หรือขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น
7) ขอให้ระงับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
8) ร้องเรียนต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ทั้งนี้
บริษัทขอสงวนสิทธิในการไม่ปฏิบัติตามคำร้องขอใช้สิทธิของท่านตามความเหมาะสมและเท่าที่กฎหมายที่ใช้บังคับจะอนุญาตนอกจากสิทธิของท่านตามที่ระบุข้างต้น
ท่านมีสิทธิที่จะเสนอข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทต่อคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญตามขั้นตอนที่กำหนดใน
พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่กฎหมายและกฎระเบียบที่ใช้บังคับอนุญาต นอกจากนี้
บริษัทอาจเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับคำร้องขอใช้สิทธิของท่านข้างต้นตามความเหมาะสม
หากท่านประสงค์ที่จะใช้สิทธิเกี่ยวข้องกับข้อมูลบุคคลของท่าน ท่านสามารถขอ
แบบฟอร์มการใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ได้ที่สำนักงานของบริษัท
หรือดาวน์โหลดแบบฟอร์มได้ที่เวปไซต์ของบริษัท www.tokiomarinesoutheast.com ทั้งนี้
บริษัทจะพิจารณาดำเนินการตามคำร้องขอของท่านและแจ้งผลการดำเนินการกลับภายใน 30 วัน นับจากวันที่บริษัท
ได้รับเรื่อง
11.
ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลและเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลได้ดำเนินการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
โดยแต่งตั้งเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer : DPO)
เพื่อตรวจสอบการดำเนินการของบริษัท ที่เกี่ยวกับการเก็บรวบรวม
ใช้และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
รวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
รวมถึงทำหน้าที่ในการรับและดำเนินการตามคำร้องขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ ท่านสามารถยื่นคำร้อง
หรือติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้ที่
เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัท โตเกียวมารีนเซ๊าท์อีสต์ (อาคเนย์) บริการ จำกัด(เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล)
ที่อยู่: เลขที่ 302 อาคารเอส แอนด์ เอ ชั้น 5 ห้องบี 1 ถนนสีลม แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร
10500
โทร. 02 257 8000 เวลาทำการ 8.30 – 16.45 น.
อีเมล: DPO@tokiomarine-se.co.th
12. การแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายฉบับนี้
บริษัทขอสงวนสิทธิในการแก้ไข เพิ่มเติม เปลี่ยนแปลง ปรับปรุง หรือปรับเปลี่ยนนโยบายฉบับนี้ เท่าที่กฎหมายอนุญาต หากเป็นการเปลี่ยนแปลงในสาระสำคัญของนโยบายฉบับนี้ บริษัทจะแจ้งการแก้ไขการเปลี่ยนแปลง การปรับปรุง หรือการปรับเปลี่ยนนโยบายให้ท่านทราบ บริษัทของสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงและแก้ไขนโยบายฉบับนี้โดยไม่ต้องแจ้งให้ท่านทราบล่วงหน้า
นโยบายการคุ้มครองข้อมูล
ส่วนบุคคลสำหรับคู่ค้า
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับคู่ค้า
บริษัท
โตเกียวมารีนเซ๊าท์อีสต์(อาคเนย์) บริการ
จำกัด
เราตระหนักดีถึงสิทธิในความเป็นส่วนตัวและความรับผิดชอบของบริษัท เกี่ยวกับการเก็บรวบรวม การใช้ การเปิดเผย (“การประมวลผล”) ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล บริษัทจึงได้จัดทำนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับคู่ค้า (“นโยบาย”) ฉบับนี้ขึ้นเพื่อแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของคู่ค้า ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (“พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล”)
1. คำนิยาม
“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ
“ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว” หมายถึง ข้อมูลตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 26 พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและฉบับปรับปรุงแก้ไขตามที่จะมีการแก้ไขเป็นคราว ๆ กฎหมายและกฎระเบียบที่ใช้บังคับอื่น รวมถึงข้อมูลบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงานข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกัน
“พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง หมายถึง พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 รวมถึงกฎหมายลำดับรองที่อาศัยอำนาจ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ในการตราขึ้น และตามที่มีการแก้ไขเป็นครั้งคราว
“เจ้าของข้อมูล” หมายถึง บุคคลที่ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นระบุไปถึง โดยไม่รวมถึงนิติบุคคล
“คณะกรรมการ” หมายถึง คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
“คู่ค้า” หมายถึง ผู้ขายสินค้า ผู้รับจ้าง และ/หรือผู้ให้บริการ ทั้งที่เป็นนิติบุคคลและบุคคลธรรมดาแก่บริษัท รวมถึงผู้รับจ้างช่วงของผู้ขายสินค้า ผู้รับจ้าง และ/หรือผู้ให้บริการดังกล่าว
2. ข้อมูลส่วนบุคคลใดบ้างที่บริษัทจะเก็บรวบรวม
ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทอาจเก็บรวบรวมประกอบไปด้วยข้อมูลของเจ้าของข้อมูลดังต่อไปนี้
2.1 กรณีที่เจ้าของข้อมูลดำเนินการในนามของตนเอง
(1) ข้อมูลที่ใช้ระบุตัวบุคคล เช่น ชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน ที่อยู่ปัจจุบัน หมายเลขโทรศัพท์บ้านหรือหมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือรายละเอียดการติดต่ออื่น ๆ เพศ สัญชาติ สถานภาพการสมรส วันเกิด เลขที่หนังสือเดินทาง/บัตรประจำตัวประชาชน
(2) ข้อมูลเกี่ยวกับคุณวุฒิและประวัติการทำงานของเจ้าของข้อมูล เช่น คุณวุฒิการศึกษาจากโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย รวมถึง หนังสือรับรองและหนังสืออ้างอิงจากสถาบันการศึกษา
(3) ข้อมูลเกี่ยวกับการสมัครงานของเจ้าของข้อมูล เช่น ประวัติส่วนตัว ข้อมูลการสัมภาษณ์งาน และหลักฐานหรือหนังสืออ้างอิงต่าง ๆ
(4) รายละเอียดการทำงานพื้นฐาน เช่น รายละเอียดสถานที่ทำงานของเจ้าของข้อมูล รายละเอียดหน่วยงานต้นสังกัด ตำแหน่ง สายการบังคับบัญชา
(5) ประวัติเกี่ยวกับประสิทธิภาพการทำงาน รวมถึง การประเมินผลการปฏิบัติงาน รางวัลที่เคยได้รับ ประวัติการถูกร้องเรียน บันทึกการสอบสวน และโทษทางวินัย รวมถึงการตรวจสอบและการประเมินความเสี่ยง
(6) ข้อมูลเกี่ยวกับผลประโยชน์และค่าตอบแทน
เช่น รายละเอียดเกี่ยวกับค่าบำเหน็จ และ/ หรือผลประโยชน์อื่น ๆ ที่เจ้าของข้อมูลได้รับ เลขบัญชีธนาคาร
(7) ประวัติเกี่ยวกับการล้มละลาย การฟอกเงิน หรือการให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ผู้ก่อการร้าย
2.2 กรณีที่เจ้าของข้อมูลดำเนินการแทนหรือเพื่อนิติบุคคลของเจ้าของข้อมูล
กรณีที่คู่สัญญาของบริษัทเป็นนิติบุคคล บริษัทอาจประมวลข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลในฐานะที่เจ้าของข้อมูลเป็นพนักงาน ผู้รับจ้าง หรือผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิติบุคคล
(1) ข้อมูลที่ใช้ระบุตัวบุคคล เช่น ชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน ที่อยู่ปัจจุบัน หมายเลขโทรศัพท์บ้านหรือหมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ อีเมล เลขที่หนังสือเดินทางหรือเลขบัตรประจำตัวประชาชน
(2) ข้อมูลของเจ้าของข้อมูลที่ปรากฏในหนังสือรับรองบริษัท บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น หรือเอกสารเกี่ยวกับนิติบุคคลอื่นใดที่มีข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล
(3) ประวัติเกี่ยวกับการล้มละลาย การฟอกเงิน หรือการให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ผู้ก่อการร้าย
(4) ข้อมูลอื่นใดที่บริษัทร้องขอจากนิติบุคคลของเจ้าของข้อมูล หรือจากเจ้าของข้อมูลเพื่อใช้ในการประกอบการเข้าทำสัญญา การบริการ หรือการดำเนินการอื่นใดที่เกี่ยวข้อง ตามที่บริษัทได้แจ้งหรือร้องขอไปยังเจ้าของข้อมูล
นอกจากข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ระบุข้างต้น บริษัทอาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (Sensitive Personal Data) ของเจ้าของข้อมูล เช่น ประวัติอาชญากรรม เพื่อประกอบการตรวจสอบในการเข้าทำสัญญากับบริษัท เช่น ตรวจสอบเพื่อการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการให้การสนับสนุนแก่ผู้ก่อการร้าย เป็นต้น
ในกรณีที่บริษัทมีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลเพื่อการเข้าทำสัญญา การปฏิบัติตามสัญญา หรือการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย หากเจ้าของข้อมูลไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็นต่อการดำเนินงานของบริษัท บริษัทอาจไม่สามารถดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในนโยบายฉบับนี้หรือดำเนินธุรกรรมกับเจ้าของข้อมูลได้อย่างเต็มรูปแบบ หรืออาจส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติตามกฎหมายใด ๆ ที่บริษัทหรือเจ้าของข้อมูลมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตาม
เมื่อเจ้าของข้อมูลให้ข้อมูลส่วนบุคคลใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลภายนอกแก่บริษัท เจ้าของข้อมูลต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ว่าจะเป็นการขอความยินยอมหรือแจ้งนโยบายฉบับนี้แก่บุคคลที่สามในนามของบริษัท ทั้งนี้ เจ้าของข้อมูลรับรองและรับประกันความถูกต้องของข้อมูลส่วนบุคคลนั้น พร้อมทั้งรับรองและรับประกันว่าเจ้าของข้อมูลได้แจ้งให้บุคคลเหล่านั้นทราบอย่างครบถ้วนแล้วเกี่ยวกับรายละเอียดตามนโยบายฉบับนี้
3. บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลอย่างไร
โดยทั่วไปบริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลโดยตรงจากเจ้าของข้อมูล เว้นแต่บางกรณีที่บริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลของเจ้าของข้อมูลจากบุคคลอื่นที่แนะนำเจ้าของข้อมูลให้บริษัท จากแหล่งข้อมูลสาธารณะ แหล่งข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจของเจ้าของข้อมูล หรือแหล่งข้อมูลทางการค้า
4. วัตถุประสงค์ของการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล
(1) บริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลเพื่อการเข้าทำสัญญากับเจ้าของข้อมูล และเพื่อการปฏิบัติตามสิทธิหน้าที่ที่มีตามสัญญาที่บริษัทเข้าทำกับเจ้าของข้อมูล
(2) เพื่อการตรวจสอบและยืนยันตัวตนของเจ้าของข้อมูล
(3) เพื่อการตรวจสอบประวัติก่อนและระหว่างเข้าทำสัญญา และอาจมีการตรวจสอบรายละเอียดดังกล่าวระหว่างระยะเวลาตามสัญญา
(4) เพื่อการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) เพื่อประโยชน์ในการกำกับดูแลและส่งเสริมธุรกิจประกันภัยตามกฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย และกฎหมายว่าด้วยการประกันวินาศภัย ตามนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสำนักงาน คปภ. ซึ่งสามารถตรวจดูได้ที่เว็บไซต์ของสำนักงาน คปภ.https://www.oic.or.th
(5) เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย รวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะประกาศ ระเบียบ และคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายของหน่วยงานรัฐและเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงาน คปภ. และคณะกรรมการ
(6) เพื่อการก่อตั้ง ใช้ โต้แย้ง หรือดำเนินการตามสิทธิเรียกร้องของบริษัท
(7) เพื่อการติดต่อ และการดำเนินธุรกิจของบริษัทตลอดระยะเวลาที่บริษัทยังมีความสัมพันธ์กับเจ้าของข้อมูล
(8) เพื่อการวิเคราะห์และจัดทำสถิติ เช่น การทำวิจัยทางการตลาด การวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง และการทำวิจัยเชิงสถิติหรือคณิตศาสตร์ประกันภัย การรายงานหรือการประเมินผลการดำเนินงานที่จัดทำขึ้นโดยบริษัท กลุ่มบริษัท บุคลากรและคู่ค้าของบริษัท หรือหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องกับบริษัท
เว้นแต่กฎหมายและกฎระเบียบที่ใช้บังคับ รวมถึง พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลจะอนุญาตให้กระทำเป็นอย่างอื่น บริษัทจะแจ้งและขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล หากบริษัทประสงค์จะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดนอกเหนือไปจากที่ระบุไว้ในนโยบายฉบับนี้ หรือนอกเหนือไปจากวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับนโยบายนี้
5. บุคคลที่อาจจะได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลจากบริษัท
บริษัทอาจมีการเปิดเผย และ/หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลไปยังบุคคลดังต่อไปนี้ โดยที่บุคคลดังกล่าวอาจอยู่ในประเทศไทย หรือนอกประเทศไทยก็ได้
(1) สมาชิกใด ๆ ของกลุ่มบริษัท
(2) ที่ปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญ ภายในหรือภายนอกของบริษัท เช่น ที่ปรึกษาทางกฎหมาย ผู้ตรวจสอบบัญชี หรือที่ปรึกษา ด้านอื่น ๆ
(3) ผู้ให้บริการใด ๆ หรือตัวแทนผู้ให้บริการ (รวมไปถึงผู้ให้บริการช่วง) ของบริษัท เช่น บริการเกี่ยวกับการชำระเงิน บริการด้านเทคโนโลยี บริการคลาวด์ บริการจัดหาผู้รับจ้างปฏิบัติงาน บริการจัดเก็บสิ่งของ และการดำเนินการเกี่ยวกับเอกสาร บริการเก็บบันทึกข้อมูล บริการสแกนเอกสาร บริการรับส่งไปรษณีย์ บริการจัดพิมพ์ บริการส่งพัสดุหรือบริการรับส่งพัสดุโดยพนักงานรับส่งพัสดุ บริการวิเคราะห์ข้อมูล บริการทำการตลาด บริการทำการวิจัยหรือบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท
(4) องค์กรที่เกี่ยวข้องกับการประกันภัย เช่น สำนักงาน คปภ. สมาคมประกันวินาศภัยไทย หรือสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
(5) หน่วยงานที่มีหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย คณะกรรมการต่าง ๆ ที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายหน่วยงานรัฐหรือหน่วยงานกำกับดูแล หน่วยงานที่มีหน้าที่ระงับข้อพิพาท หรือบุคคลอื่นใดในประเทศที่บริษัทต้องเปิดเผยข้อมูลให้ (ก) ตามหน้าที่ตามกฎหมายและ/หรือตามหน้าที่ในการปฏิบัติตามกฎระเบียบในประเทศไทย และอาจรวมถึงหน่วยงานของรัฐในประเทศที่กลุ่มบริษัทตั้งอยู่ หรือ (ข) ตามข้อตกลง หรือนโยบายระหว่างบริษัทในกลุ่มบริษัท กับรัฐ หน่วยงานกำกับดูแล หรือบุคคลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
(6) ผู้เข้าทำธุรกรรม หรือจะเข้าทำธุรกรรมกับบริษัทโดยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลอาจเป็นส่วนหนึ่งของการซื้อหรือขาย หรือเป็นส่วนหนึ่งของการเสนอซื้อหรือเสนอขายของกิจการของบริษัท (หากมี)
(7) บุคคลอื่นใดที่เจ้าของข้อมูลได้ให้ความยินยอมโดยชัดแจ้ง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามวัตถุประสงค์ที่กล่าวมาแล้วข้างต้น
6. การโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ
ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลอาจถูกโอนไป ถูกจัดเก็บไว้ หรือประมวลผลโดยบริษัท หรืออาจถูกส่งให้แก่บุคคลหรือหน่วยงานใด ๆ ตามรายละเอียดข้างต้น ซึ่งอาจมีที่ตั้งหรืออาจให้บริการอยู่ในประเทศไทยหรือนอกประเทศไทย ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล จะถูกโอนไปยังสถานที่อื่น ๆ ตามเงื่อนไขเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ดังที่ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล กำหนด โดยหากเป็นการโอนข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลระหว่างกลุ่มบริษัท บริษัทจะดำเนินการตามนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลภายในกลุ่มบริษัทที่ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการ
7. การเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทอาจเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลไว้นานเท่าที่จำเป็นต้องเก็บเพื่อการดำเนินการให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลตามที่ระบุข้างต้น ทั้งนี้บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลไม่เกิน 10 ปี นับแต่วันที่เจ้าของข้อมูลสิ้นสุดความสัมพันธ์ หรือการติดต่อครั้งสุดท้ายกับบริษัท บริษัทอาจเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลนานกว่าที่กำหนดหากกฎหมายอนุญาต บริษัทจะดำเนินการตามขั้นตอนที่เหมาะสม เพื่อทำการลบหรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวเจ้าของข้อมูล ตามระยะเวลาเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลข้างต้น
8.
การใช้ข้อมูลส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์เดิม
บริษัทมีสิทธิในการเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทได้เก็บรวบรวมไว้ก่อนวันที่พรบ.
คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม การใช้
และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับต่อไปตามวัตถุประสงค์เดิม
หากท่านไม่ประสงค์ที่จะให้บริษัทเก็บรวมรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวต่อไป
ท่านสามารถแจ้งบริษัทเพื่อขอถอนความยินยอมของท่านตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
โดยขอแบบฟอร์มการใช้สิทธิได้ที่สำนักงานของบริษัท หรือดาวน์โหลดแบบฟอร์มได้ที่เวปไซต์ของบริษัท www.tokiomarinesoutheast.com
9. สิทธิของเจ้าของข้อมูลเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
เจ้าของข้อมูลมีสิทธิดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลดังต่อไปนี้
1) เพิกถอน หรือร้องขอให้เปลี่ยนแปลงขอบเขตความยินยอมของเจ้าของข้อมูลที่ได้ให้ไว้กับบริษัท
2) ขอเข้าถึง ขอรับสำเนา หรือขอให้เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับเจ้าของข้อมูลโดยเจ้าของข้อมูลไม่ได้ให้ความยินยอม
3) ขอให้บริษัทแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเจ้าของข้อมูลให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด หากบริษัทไม่สามารถดำเนินการให้ได้ เจ้าของข้อมูลมีสิทธิขอบันทึกคำร้องขอของเจ้าของข้อมูลพร้อมเหตุผลในการดำเนินการได้ตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
4) ขอให้ลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ ตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
5) คัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีดังต่อไปนี้
(ก.) กรณีที่เป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมได้โดยได้รับยกเว้นไม่ต้องขอความยินยอม เนื่องจากเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย ตามมาตรา 24 (4) หรือ (5) แห่งพ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่บริษัทสามารถพิสูจน์ได้ว่ามีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายที่สำคัญยิ่งกว่า หรือเป็นไปเพื่อก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
(ข.) การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง
(ค.) การประมวลผลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ เว้นแต่เป็นการจำเป็นเพื่อการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท
6) ขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับเจ้าของข้อมูล หรือขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น
7) ขอให้ระงับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
8) ร้องเรียนต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
หากเจ้าของข้อมูลประสงค์ที่จะใช้สิทธิเกี่ยวข้องกับข้อมูลบุคคล สามารถขอแบบฟอร์มการใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ได้ที่สำนักงานของบริษัท หรือดาวน์โหลดแบบฟอร์มได้ที่เวปไซต์ของบริษัท www.tokiomarinesoutheast.com ทั้งนี้ บริษัทจะพิจารณาดำเนินการตามคำร้องขอและแจ้งผลการดำเนินงานกลับภายใน 30 วันนับจากวันที่บริษัทได้รับเรื่อง
บริษัทขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่ปฏิบัติตามคำร้องขอใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูล ตามความเหมาะสมและเท่าที่กฎหมายที่ใช้บังคับจะอนุญาต
นอกจากสิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลที่ระบุข้างต้น เจ้าของข้อมูลมีสิทธิที่จะเสนอข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทต่อคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญตามขั้นตอนที่กำหนดใน พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่กฎหมายและกฎระเบียบที่ใช้บังคับอนุญาต บริษัทอาจมีสิทธิเรียกเก็บค่าใช้จ่ายที่สมเหตุสมผล สำหรับการดำเนินการเกี่ยวกับคำร้องขอใช้สิทธิข้างต้น
10. การแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายฉบับนี้
บริษัทขอสงวนสิทธิในการแก้ไข เพิ่มเติม เปลี่ยนแปลง ปรับปรุง หรือปรับเปลี่ยนนโยบายฉบับนี้ เท่าที่กฎหมายอนุญาต หากเป็นการเปลี่ยนแปลงในสาระสำคัญของนโยบายฉบับนี้ บริษัทจะแจ้งการแก้ไขการเปลี่ยนแปลง การปรับปรุง หรือการปรับเปลี่ยนนโยบายให้เจ้าของข้อมูลทราบ และ/หรือจะขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล (หากกฎหมายกำหนดให้ต้องได้รับความยินยอม)
11. ช่องทางการติดต่อของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลและเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทในฐานะเป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หากเจ้าของข้อมูลมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเนื้อหาส่วนใด ๆ ในนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติของบริษัทเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล หรือต้องการใช้สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล กรุณาติดต่อที่
เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (DPO)
บริษัท โตเกียวมารีนเซ๊าท์อีสต์ (อาคเนย์) บริการ จำกัด(เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล)
ที่อยู่: เลขที่ 302 อาคารเอส แอนด์ เอ ชั้น 5 ห้องบี 1 ถนนสีลม แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร
10500
โทร. 02 257 8000 เวลาทำการ 8.30 – 16.45 น.
อีเมล: DPO@tokiomarine-se.co.th